1976 Judgement of Paris ไวน์อเมริกันหรือจะสู้ไวน์ฝรั่งเศส
ลองจัด Blind Tasting กันดู Steven Spurrier พ่อค้าไวน์ชาวอังกฤษเกิดความคิดแผลง ๆ หลังจากได้ไปท่องเที่ยวใน Napa Valley และพบว่ามีไวน์ดีๆ หลายตัว ที่โลกยังไม่รู้จัก May 24, 1976 ณ กรุงปารีส คณะกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ 11 คน เป็นชาวฝรั่งเศส 9, อเมริกัน 1 และตัว Steven เองอีก 1 ทุกคนล้วนอยากทดสอบดูสนุกๆ แต่มันกลายเป็นเหตุการณ์ทำให้โลกของไวน์เปลี่ยนไป ไวน์แดง 6 ตัว จาก Napa Valley ปะทะกับไวน์ฝรั่งเศส 4 ตัว จาก Bordeaux ไวน์ขาว Chardonnay 6 ตัวจาก Napa Valley ปะทะกับไวน์ขาว 4 ตัวจาก Burgundy กรอบการตัดสินง่าย ๆ คือ คณะกรรมการแต่ละคนชิมและให้คะแนนอย่างอิสระในระบบคะแนนเต็ม 20 และนำคะแนนดิบทั้งหมดมารวมกัน ตัวไหนได้คะแนนมากที่สุด ตัวนั้นก็เป็นที่ 1 เมื่อผลปรากฏ ทุกคนตะลึง เพราะไวน์ที่ได้คะแนนมากที่สุดทั้งแดงและขาว ล้วนเป็นไวน์จากอเมริกา และเมื่อสื่อเผยแพร่ผลนี้ออกไป โลกก็ตะลึงไปด้วย แน่นอนว่าชาวไวน์ฝรั่งเศสมีข้อโต้แย้งมากมายกับวิธีการจัดชิม และระบบการให้คะแนนในครั้งนี้ ฝ่ายอเมริกันก็ดีใจกันเอิกเกริก โดยไม่สนใจข้อโต้แย้งใดๆ นั่นทำให้ไวน์อเมริกันเริ่มปรากฏบนแผนที่โลก และมีการพัฒนาการผลิตไวน์อย่างกว้างขวางจวบจนปัจจุบัน ขอนำชื่อไวน์ที่ได้คะแนนรวมมากที่สุดมาเอ่ยอีกครั้ง
ไวน์แดงคือ 1973 Stag’s Leap Wine Cellar
ไวน์ขาวคือ 1973 Chateau Montelena
เหตุการณ์ผ่านมาแล้ว 44 ปี และมีการจัดซ้ำอีกหลายครั้งในอีกหลายวาระต่อมา ผลก็แตกต่างออกไปโดยมีนัยเหมือนเดิมคือ ไวน์อเมริกันสามารถเทียบชั้นกับไวน์ฝรั่งเศสได้ และนี่คือเหตุการณ์สำคัญที่โลกแห่งไวน์ไม่เคยลืม มาถึงวันนี้ ไวน์ฝรั่งเศสก็ยังคงเป็นไวน์ที่ผู้คนนิยมมากที่สุด และมีราคาแพงที่สุด เมื่อเทียบตัวต่อตัว รุ่นต่อรุ่น ไร่ต่อไร่ นั่นหมายความว่า ไวน์ดี ต้องไม่ใช่ดีแค่ปีเดียว แต่ต้องมีมาตรฐานดีต่อเนื่อง และคนกินไวน์ทั่วโลกคือผู้ตัดสิน ไม่ใช่คณะกรรมการแค่ 11 คน
สำหรับใครที่ต้องการสมัครเล่นหวย วันนี้เรามีเว็บ แทงหวยออนไลน์ ดีๆมาแนะนำให้ท่านได้รู้จักนั่นคือ เว็บlottovip เว็บหวยออนไลน์อันดับหนึ่งในไทยนั่นเอง เว็บดีที่จ่ายเต็มไม่มีเลขอั้นมีหวยครบ หวยฮานอย หวยลาว หวยมาเลย์ เปิดรับแทงตลอด 24ชั่วโมง